ใบความรู้ ที่ 5
ประเภทของละคร
1. ละครประเภทโศกนาฎกรรม (Tragedy)
เป็นวรรณกรรมการละครที่เก่าแก่ที่สุด
และมีคุณค่าสูงสุดในเชิงศิลปะและวรรณคดี ละครประเภทนี้ถือกําเนิดขึ้นในประเทศกรีซ
และพัฒนาไปสู่ความสมบูรณ์ภายใต้การนําของ เอสดิลุส (Aeschylus,525-456 B.C.) โซโปคลีส (Sophocles, 496-406 B.C.) และยูริพิดีส (Euripides,484-406 B.C.) เป็นละครที่พยายามตอบปัญหาหรือตั้งคําถามที่สําคัญๆ
เกี่ยวกับชีวิตที่ต้องนํามาให้ผู้ชมต้องขบคิด เช่น ชีวิตคืออะไร มนุษย์คืออะไร
อะไรผิด อะไรถูก อะไรจริง ภายใต้จักรวาลที่เต็มไปด้วยความเร้นลับ
ละครประเภทนี้ถือกําเนิดจากพิธีทางศาสนา
จึงนับว่าเป็นละครที่มีความใกล้ชิดกับศาสนาอยู่มาก
แม้ในปัจจุบันละครแทรจิดีที่มีความสมบูรณ์ยังสามารถให้ความรู้สึกสูงส่ง
และความบริสุทธิ์ทางจิตใจได้ด้วยการชี้ชวนแกมบังคับให้มองปัญหาสําคัญๆ ของชีวิต
ทําให้ได้ตระหนักถึงคุณ ค่าของความเป็นมนุษย์
กล้าเผชิญความจริงเกี่ยวกับตนเองและโลก
และมองเห็นความสําคัญของการดํารงชีวิตอย่างมีคุณค่าสมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
ลักษณะสําคัญของละครประเภทโศกนาฎกรรม
1.
ต้องเป็นเรื่องที่แสดงถึงความทุกข์ทรมานของมนุษย์ และจบลงด้วยความหายนะของตัวเอก
2.
ตัวเอกของแทรจิดีจะต้องมีความยิ่งใหญ่เหนือคนทั่วๆไป
แต่ในขณะเดียวกันก็จะต้องมีข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดที่เป็นสาเหตุของความหายนะที่ได้รับ
3.
ฉากต่างๆที่แสดงถึงความทรมานของมนุษย์จะต้องมีผลทําให้เกิดความสงสาร
และความกลัวอันจะนําไปสู่ความเข้าใจชีวิต
4.
มีความเป็นเลิศในเชิงศิลปะและวรรณคดี
5.
ได้ความรู้สึกอันสูงกว่าหรือความรูสึกผ่องแผ้วจริงใจ และการชําระลางจิตใจจนบริสุทธิ์
2. ละครประเภทตลกขบขัน
ตามหลักของทฤษฎีการละครที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปนั้นมักจะถือว่าละครประเภทตลกขบขันแยกออกเป็น2ประเภทใหญ่
ๆ คือ
1) ละครตลกชนิดโปกฮา (Farce)
ให้ความตลกขบขันจากเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เหลือเชื่อเป็นการแสดงที่รวดเร็วและเอะอะตึงตัง
2)
ละครตลกที่มีลักษณะเป็นวรรณกรรม (Comedy) บางเรื่องเป็นวรรณกรรมชั้นสูงที่นับเป็นวรรณคดีอมตะของโลก
เช่น สุขนาฎกรรม (Romantic Comedy) ของเชกสเปียร์ (Shakespeare) ละครตลกประเภทเสียดสี(Satiric Comedy)
ของโมลิแยร์
(Moliire) และตลกประเภทความคิด
(Comedy of Ideas) ของจอร์จ เบอร์นาร์ดชอว์ (George Bernard Shaw) เป็นต้น ละครคอมเมดีมีหลายประเภท
ดังนี้
- สุขนาฏกรรม (Romantic
Comedy) ละครคอเมดีประเภทนี้ถือเป็นวรรณกรรมชั้นสูง
เช่น สุขนาฎกรรมของวิลเลี่ยม เชกเสปียร์ เรื่อง เวนิชวานิช (The Merchants
of Venice) ตามใจท่าน
(As You Like It) และทเวลฟร์ไนท์ (Twlfth Night) เป็นต้น
ละครประเภทนี้นิยมแสดงในเรื่องรามที่เต็มไปด้วยจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
แต่ก็เป็นเรื่องราวที่น่าเชื่อสมเหตุสมผล
ตัวละครประกอบด้วยพระเอกนางเอกที่มีความสวยงามตามอุดมคติ
พูดจาด้วยภาษาที่ไพเราะเพราะพริ้ง
และมักจะต้องพบกับอุปสรรคเกี่ยวกับความรักในตอนต้น แต่เรื่องก็จบลงด้วยความสุข
ซึ่งมักจะเป็นพิธีแต่งงานหรือเฉลิมฉลองที่สดชื่นรื่นเริง
บทบาทสําคัญที่ดึงดูดความสนใจและเรียกเสียงหัวเราะจากคนดูในละครประเภทสุขนาฏกรรมนี้
มักไปตกอยู่กับตัวละครที่มีลักษณะเป็นตัวตลกอย่างแท้จริงซึ่งไม่ใช่ตัวพระเอก
หรือนางเอก ตัวตลกเหล่านี้รวมถึงตัวตลกอาชีพ(Clown) ที่มีหน้าที่ทําให้คนหัวเราะด้วยคําพูดที่คมคายเสียดสี
หรือ การกระทําที่ตลกโปกฮา
-ละครตลกชั้นสูง (Hight
Comedy) หรือตลกผู้ดี
(Comedy of Manners) เป็นละครที่ล้อเลียนเสียดสีชีวิตในสังคม
เฉพาะอย่างยิ่งในสังคมชั้นสูง ซึ่งมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับมากมาย
ความสนุกสนานขบขันของผู้ชมเกิดจากการที่ได้เห็นวิธีการอันแยบยลตางๆ ที่ตัวละครในเรื่องนํามาใช่เพื่อหลีกเลี่ยงกฎข้อบังคับของสังคม
-ละครตลกประเภทเสียดสี(Satiric
Comedy) ละครตลกประเภทนี้มีลักษณะใกล้เคียงกับตลกชั้นสูงแต่เน้นการเสียดสีโจมตีวิธีการที่รุนแรงกว่า
ในขณะที่ละครตลกชั้นสูงมุ่งล้อเลียนพฤติกรรมของคนในวงสังคมชั้นสูง
ละครตลกเสียดสีจะมุ่งโจมตีข้อบกพร่องของมนุษย์โดยทั่วไป
ไม่จํากัดว่าจะต้องอยู่ในแวดวงสังคมใด
ละครตลกประเภทนี้มุ่งที่จะแก้ไขสิ่งบกพร่องในตัวมนุษย์และสังคม
ด้วยการนําข้อบกพร่องดังกล่าวมาเยาะเย้ย ถากถางให้เป็นเรื่องขบขันและน่าละอาย
เพื่อที่ว่าเมื่อได้ดูละครประเภทนี้แล้วผู้ชมจะได้มองเห็นข้อบกพร่องของตนเกิดความละอายใจ
และพยายามปรับปรุงแก้ไขต่อไป
-ละครตลกประกอบความคิด (Comedy
Ideas) ละครตลกประเภทนี้ใช้วิธีล้อเลียนเสียดสี
แต่เน้นการนําเอาความคิดความเชื่อของมนุษย์ที่ผิดพลาดบกพร่องหรือล้าสมัย
มาเป็นจุดที่ทําให้ผู้ชมหัวเราะโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะทําให้ผู้ชมกลับไปคิดแก้ไขข้อบกพร่องในความคิดความเชื่อของตนเองและของสังคมโดยส่วนรวม
จึงเรียกละครประเภทนี้อีกอย่างหนึ่งว่า “ละครตลกระดับสมอง (Intellectual
Comedy)”ซึ่งจัดอยู่ในระดับวรรณกรรมเช่นกัน
นักเขียนที่เป็นผู้นําในการประพันธ์ละครตลกนี้ ได้แก่ จอร์จ เบอร์นาร์ด ซอร์ (GeorgeBernard
Shaw)
-ละครตลกประเภทสถานการณ์ (Situation
Comedy)ละครตลกประเภทนี้มักเกิดจากเรื่องราวที่สับสนอลเวงประเภทผิดฝาผิดตัว
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องบังเอิญแทบทั้งสิ้น
ลักษณะของการแสดงก็มักจะออกท่าออกทางมากกว่าตลกชั้นสูง
-ละครตลกประเภทโครมคราม (Slapstick
Comedy) ละครตลกประเภทนี้มีลักษณะเอะอะตึงตัง
มักมีการแสดงประเภทวิ่งไล่จับกัน
และการตีก็มักจะทําให้เกิดเสียงอึกทึกครึกโครมมากว่าที่จะทําให้ให้ใครเจ็บจริงๆละครประเภทนี้มีความแตกต่างจากคอเมดีชั้นสูงมาก
และมีความใกล้เคียงไปทางละครฟาร์สมากกว่า
-ละครรักกระจุ๋มกระจิ๋ม (Sentimental
Comdy) และละครตลกเคล้าน้ําตา
(Tearful Comedy) ละครตลกประเภทนี้
จัดอยู่ในประเภทละครเริงรมย์ที่เขียนขึ้นเพื่อให้ถูกใจตลาดเช่นเดียวกับละครชีวิตประเภทเมโลดรามา(Melodrama)
และมีลักษณะใกล้เคียงไปทางเมโลดรามามากกว่าคอเมดี
เพราะผู้เขียนให้ความเห็นอกเห็นใจกับตัวเอกมาก
ผิดกับลักษณะของการเขียนประเภทคอเมดี ซึ่งมักจะล้อเลียน
หรือเสียดสีโดยปราศจากความเห็นใจและความตลกของตัวเอก
และความตลกของตัวเอกมักจะน่าเอ็นดู ส่วนใหญ่แล้วตลกมักจะมาจากตัวคนใช้หรือเพื่อนฝูงของพระเอกนางเอกมากกว่า
3. ละครอิงนิยาย (Romance) เป็นเรื่องราวที่มนุษย์ใฝ่ฝันจะได้พบมากกว่าที่จะได้พบจริงๆ
ในชีวิตประจําวัน ละครประเภทนี้มีลักษณะที่หลีกไปจากชีวิตจริงไปสู่ชีวิตในอุดมคติ
รูปแบบของละครโรมานซ์นิยมการสร้างสรรค์อย่างมีสาระเต็มทีโดยไม่ยึดถือกฎเกณฑ์ใดๆ
ผู้เขียนบทละครสามารถวางโครงเรื่องโดยนําเหตุการณ์มาต่อกันเป็นตอนๆ
ในด้านภาพและเสียงและมักเป็นบทที่นําไปจัดแสดงด้วยฉาก แสง สี
และเครื่องแต่งกายที่งดงามตระการตา ส่วนในด้านการแสดง ละครโรมานธ์นิยมใช้การเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล
คล่องแคล้ว งดงาม และไม่พยายามลอกเลียนการกระทําที่ใกล้เคียงกับชีวิตจริงจนเกินไป
อาจใช้ลีลาที่สร้างสรรค์ขึ้นให้มีความงดงามมากกว่าชีวิตจริงและเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่ต้องการจะสื่อต่อผู้ชม
4. ละครประเภทเริงรมย์ (Melodrama)
หมายถึงละครที่ถือความสําคัญของโครงเรื่อง
(Plot) หรือความสนุกสนานของการดําเนินเรื่องเป็นสําคัญ
ตัวละครมีความสําคัญลองลงมา จึงใช้ตัวละครเป็นเครื่องมือในการเล่าเรื่อง
ที่สนุกสนาน และเพื่อให้เข้าใจง่าย ติดตามท้องเรื่องได้ง่าย
จึงนิยมใช้ตัวละครประเภท “ตายตัว” (TypedCharacters) เช่นพระเอก นางเอก ผู้ร้ายเป็นต้น
5. ละครสมัยใหม่ (Modern
drama) มีแนวทางดังนี้
1) ละครสมัยใหม่แนว “เหมือนชีวิตหรือเป็นธรรมชาติ”
(Realism/Naturalism) หมายถึง ละครสมัยใหม่ที่พยายามมองชีวิตด้วยความเป็นกลาง แล้วสะท้อนภาพออกมาในรูปของละครตามความเป็นจริง
โดยไม่เสริมแต่งหรือบิดเบือน
ตลอดจนใช้วิธีการจัดเสนอที่ทําให้ละครมีความใกล้เคียงกับชีวิตมากที่สุดการเริ่มต้นละครยุคสมัยใหม่
ในราวปลายศตวรรษที่ 19 บรรดาผู้นําในด้านละครสมัยใหม่ต่างก็พากันปราศว่า “ละครคือชีวิต” (Theatre is life
itself) และการแสดงละครที่ถูกต้องคือการนําเอา
“แผ่นภาพชีวิต”
(Sliceof Life) ที่เหมือนจริงทุกประการมาวางบนเวทีโดยไม่มีการดัดแปลง
2) ละครสมัยใหม่แนว “ต่อต้านชีวิตจริง”
(Anti-realism) เกิดขึ้นเมื่อราวปลายคริสต์ศตวรรษที่
19 มีหลายแนวดังนี้
-ละครแนวสัญลักษณ์ (Symbolism)
เป็นละครที่ใช้สัญลักษณ์ในการนําเสนอความเป็นจริงแทนที่จะหลอกภาพที่เหมือนมาแสดงแต่อย่างเดียว
แต่จะอวดอ้างว่า “ความจริง” ที่เสนอโดยใช้สัญลักษณ์ที่ลึกซึ่งกว่าความจริงที่ได้มาจากการลอกเลียนแบบธรรมชาติโดยใช้ทั้งการสัมผัส
นอกจากจะคัดค้านการลอกแบบชีวิตจริงมาใช้ในการประพันธ์แล้ว
ยังคัดค้านการสร้างฉากที่เหมือนจริง
ตลอดจนการเน้นรายละเอียดและการใช้ข้อปลีกย่อยเกี่ยวกับกาลเวลาและสถานที่ในการเสนอละครมากเกินไป
นิยมใช้ฉาก เครื่องแต่งกายที่ดูเป็นกลางๆไม่จําเพาะเจาะจงว่าเป็นยุคใด
แต่จะเน้นการใช้อารมณ์ บรรยากาศ และทําให้ฉาก แสง สี เครื่องแต่งกายเป็นสัญลักษณ์
-ละครแนวโรแมนติก (Romantic) หรือโรแมนติซิสม์ (Romantism) สมัยใหม่
เป็นละครที่สะท้อนให้เห็นจินตนาการ ความใฝ่ฝัน และอุดมคติที่มีอยู่ในตัวมนุษย์
แทนที่จะให้เห็นแต่อํานาจฝ่ายต่ําหรือตกเป็นทาสของสิ่งแวดล้อม
-ละครแนวเอกสเพรสชั่นนิสม์ (Expressionism)
เป็นละครที่เสาะแสวงหาความจริงส่วนลึกของสมองและจิตใจมนุษย์
ซึ่งอาจจะไม่เหมือนกับความจริงที่เห็นหรือจับต้องได้ ฉากในละครบางครั้งจึงมีลักษณะบูดเบี้ยวและมีขนาดแตกต่างไปจากความเป็นจริงมาก
คือ เป็นภาพที่ถูกบิดเบือนไปตามความรู้สึกนึกคิดหรืออารมณ์ของตัวละคร
ละครประเภทนี้ไม่ใช่การแสดงแบบเหมือนชีวิตหรือเป็นธรรมชาติ
แต่อาจให้ตัวละครใส่หน้ากากหรือเคลื่อนไหวแบบหุ่นยนต์ หรือแสดงการเคลื่อนไหวแบบอื่นๆที่เห็นว่าเหมาะสม
-ละครแนวเอพิค (Epic)
เป็นละครที่มีอิสระในด้านลีลาการแสดง
บทเจรจา และเทคนิคของการจัดเสนอที่ทําให้ดูห่างไกลจากแนวเหมือนชีวิต
แต่ยังคงเสนอเรื่องราวที่ติดตามได้
มีเหตุผลตามสมควรและมีภาพสะท้อนเกี่ยวกับโลกและมนุษย์เสนอต่อผู้ชม แบร์โทลท์
เบรซท์
นักเขียนชาวเยอรมันเป็นคนสําคัญที่สุดที่ทําให้ละครแนวเอพิคได้รับความนิยมแพร่หลายทั่วโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น