ใบความรู้ ที่ 1
นาฎยนิยาม
นาฏยนิยาม หมายถึง คําอธิบาย
คําจํากัดความ ขอบเขต บทบาท และรูปลักษณ์ของนาฏศิลป์
ซึ่งล้วนแสดงความหมายของนาฏยศิลป์ที่หลากหลาย
อันเป็นเครื่องบ่งชี้ว่านาฏยศิลป์มีความสําคัญ
เกี่ยวข้องกับชีวิตและสังคมมาตั้งแต่อดีตกาลนิยาม
ในส่วนนี้เป็นการกล่าวถึง
ความหมายของนาฏยศิลป์
หรือการฟ้อนรําที่ปราชญ์และนักวิชาการสําคัญได้พยายามอธิบายคําว่า นาฏยศิลป์
ไว้ในแง่มุมต่าง ๆ ดังนี้
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาดํารงราชานุภาพ
ทรงอธิบายถึงกําเนิดและวิวัฒนาการของนาฏยศิลป์ที่ผูกพันกับมนุษย์ ดังนี้
“การฟ้อนรําเป็นประเพณีของมนุษย์ทุกชาติทุกภาษา
ไม่เลือกว่าจะอยู่ ณ ประเทศถิ่นสถานที่ใดในพิภพนี้อย่าว่าแต่มนุษย์เลย
ถึงแม้สัตว์เดรัจฉานก็มีวิธีฟ้อน เช่น สุนัขไก่กา เวลาใดสบอารมณ์
มันก็จะเต้นโลดกรีกกรายทํากิริยาท่าทางได้ต่าง ๆ ก็คือการฟ้อนรําตามวิสัยสัตว์นั้นเอง
ปราชญ์แห่งการฟ้อนรําจึงเล็งเห็น
การฟ้อนรํานี้มูลรากเกิดแต่วิสัยสัตว์เมื่อเวทนาเสวยอารมณ์
จะเป็นสุขเวทนาก็ตามหรือทุกขเวทนาก็ตาม ถ้าเสวยอารมณ์แรงกล้าไม่กลั้นไว้ได้
ก็แล่นออกมาเป็นกิริยาให้เห็นปรากฏยกเป็นนิทัศนอุทาหรณ์ดังเช่นธรรมดาทารก
เวลาอารมณ์เสวยสุขเวทนาก็เต้นแร้งเต้นแฉ่งสนุกสนาน
ถ้าอารมณ์เสวยทุกขเวทนาก็ดิ้นโดยให้แสดงกิริยาปรากฏออกให้รู้ว่าอารมณ์เป็นอย่างไร
ยิ่งเติบโตรู้เดียงสาขึ้นเพียงไร
กิริยาที่อารมณ์เล่นออกมาก็ยิ่งมากมายหลายอย่างออกไป
จนถึงกิริยาที่แสดงความกําหนัดยินดีในอารมณ์ และกิริยาซึ่งแสดงความอาฆาตโกรธแค้น
เป็นต้น กิริยาอันเกิดแต่เวทนาเสวยอารมณ์นี้นับเป็นขั้นตอนของการฟ้อนรํา
ต่อมาอีกขั้นหนึ่งเกิดแต่คนทั้งหลายรู้ความหมายของกิริยาต่าง ๆ เช่น
กล่าวมาก็ใช้กิริยาเหล่านั้นเป็นภาษาอันหนึ่ง
เมื่อประสงค์จะแสดงให้ปรากฏแก่ผู้อื่นโดยใจจริงก็ดี
หรือโดยมายาเช่นในเวลาเล่นหัวก็ดี ว่าตนมีอารมณ์อย่างไร
ก็แสดงกิริยาอันเป็นเครื่องหมายอารมณ์อย่างนั้น เป็นต้นว่าถ้าแสดงความเสน่หา ก็ทํา
กิริยายิ้มแย้มกรีดกราย จะแสดงความรื่นเริงบันเทิงใจก็ขับร้องฟ้อนรํา
จําขู่ให้ผู้อื่นกลัวก็ทําหน้าตาถมึงทึงแลโลดเต้นคุกคาม
จึงเกิดแบบแผนท่าทางที่แสดงอารมณ์ต่าง ๆ
อันเป็นต้นของกระบวนฟ้อนรําขึ้นด้วยประการนี้นับเป็นขั้นที่สองอันประเพณีการฟ้อนรําจะเป็นสําหรับฝึกหัดพวกที่ประกอบการหาเลี้ยงชีพด้วยรําเต้น
เช่น โขนละครเท่านั้นหามิได้ แต่เดิมมาย้อมเป็นประเพณีสําหรับบุคคลทุกชั้นบรรดาศักดิ์และมีที่ใช่ไปจนถึงการยุทธ์และการพิธีต่าง
ๆ หลายอย่าง จะยกตัวอย่างแต่ประเพณีการฟ้อนรําที่มีมาในสยามประเทศของเรานี้
ดังเช่นในตําราคชศาสตร์
ซึ่งนับถือว่าเป็นวิชาชั้นสูงสําหรับการรณรงค์สงครามแต่โบราณ
ใครหัดขี่ช้างชนก็ต้องหัดฟ้อนรําให้เป็นสง่าราศีด้วยแม้พระเจ้าแผ่นดินก็ต้องฝึกหัด
มีตัวอย่างมาจนถึงรัชกาลที่ 5 เมื่อพระบาทสมเด็จฯพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงศึกษาวิชาคชศาสตร์ต่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาบําราบปรปักษ์
ก็ได้ทรงหัดฟ้อนรํา ได้ยินเคยทรงรําพระแสงขอบนคอช้างพระที่นั่งเป็นพุทธบูชาเมื่อครั้งเสด็จพระพุทธบาทตามโบราณราชประเพณี
เมือปีวอก พ.ศ. 2414 การฟ้อนรําในกระบวนยุทธอย่างอื่น เช่น
ตีกระบี่กระบองก็เป็นวิชาที่เจ้านายต้องทรงฝึกหัดมาแต่ก่อน
ส่วนกระบวนฟ้อนรําในการพิธี ยังมีตัวอย่างทางหัวเมืองมณฑลภาคพายัพ
ถ้าเวลามีงานบุญให้ทานเป็นการใหญ่ก็เป็นประเพณีที่เจ้านายตั้งแต่เจ้าผู้ครองนครลงมาที่จะฟ้อนรําเป็นการแสดงโสมนัสศรัทธาในบุญทาน
เจ้านายฝ่ายหญิงก็ย่อมหัดฟ้อนรําและมีเวลาที่จะหัดฟ้อนรําในการพิธีบางอย่างจนทุกวันนี้
ประเพณีต่าง ๆ ดังกล่าวมา
ส่อให้เห็นว่าแต่โบราณย่อมถือว่าการฟ้อนรําเป็นส่วนหนึ่งในการศึกษา
ซึ่งสมควรจะฝึกหัดเป็นสามัญทั่วมุกทุกชั้นบรรดาศักดิ์สืบมา
ราชบัณฑิตยสถาน
ไดใหความหมายของนาฏยศิลป์ไว้กว้าง ๆ
ตลอดจนกําหนดการออกเสียงไว้ในพจนานุกรมฉบับเฉลิมพระเกียรติ พ.ศ. 2530 ดังนี้
“นาฏ, นาฏ – [นาด, นาตะ – นาดตะ-] น. นางละคร, นางฟ้อนรํา, ไทยใช้หมายถึงหญิงสาวสวย
เช่น นางนาฏ นุชนาฏ (ป.; ส.)
นาฏกรรม
[นาดตะกํา] น. การละคร,
การฟ้อนรํา.
นาฏดนตรี
[นาดตะดนตรี] น. ลิเก.
นาฏศิลป์
[นาดตะสิน] น. ศิลปะแห่งการละครหรือการฟ้อนรํา.
นาฏก
[นาตะกะ (หลัก),
นาดตะกะ (นิยม)] น. ผูฟอนรํา. (ป.; ส.)
นาฏย
[นาดตะยะ-] ว. เกี่ยวกับการฟอนรํา, เกี่ยวกับการแสดงละคร
(ส.)
นาฏยเวที
น. พื้นที่แสดงละครล ฉาก.
นาฏยศาลา
น. ห้องฟ้อนรํา,
โรงละคร
นาฏยศาสตร์
น. วิชาฟ้อนรํา,
วิชาแสดงละคร”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น