วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2561

3.1 นาฎยนิยาม


ใบความรู้ ที่ 1

 นาฎยนิยาม

          นาฏยนิยาม หมายถึง คําอธิบาย คําจํากัดความ ขอบเขต บทบาท และรูปลักษณ์ของนาฏศิลป์ ซึ่งล้วนแสดงความหมายของนาฏยศิลป์ที่หลากหลาย อันเป็นเครื่องบ่งชี้ว่านาฏยศิลป์มีความสําคัญ เกี่ยวข้องกับชีวิตและสังคมมาตั้งแต่อดีตกาลนิยาม
         ในส่วนนี้เป็นการกล่าวถึง ความหมายของนาฏยศิลป์ หรือการฟ้อนรําที่ปราชญ์และนักวิชาการสําคัญได้พยายามอธิบายคําว่า นาฏยศิลป์ ไว้ในแง่มุมต่าง ๆ ดังนี้
          สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ ทรงอธิบายถึงกําเนิดและวิวัฒนาการของนาฏยศิลป์ที่ผูกพันกับมนุษย์ ดังนี้
           การฟ้อนรําเป็นประเพณีของมนุษย์ทุกชาติทุกภาษา ไม่เลือกว่าจะอยู่ ณ ประเทศถิ่นสถานที่ใดในพิภพนี้อย่าว่าแต่มนุษย์เลย ถึงแม้สัตว์เดรัจฉานก็มีวิธีฟ้อน เช่น สุนัขไก่กา เวลาใดสบอารมณ์ มันก็จะเต้นโลดกรีกกรายทํากิริยาท่าทางได้ต่าง ๆ ก็คือการฟ้อนรําตามวิสัยสัตว์นั้นเอง ปราชญ์แห่งการฟ้อนรําจึงเล็งเห็น การฟ้อนรํานี้มูลรากเกิดแต่วิสัยสัตว์เมื่อเวทนาเสวยอารมณ์ จะเป็นสุขเวทนาก็ตามหรือทุกขเวทนาก็ตาม ถ้าเสวยอารมณ์แรงกล้าไม่กลั้นไว้ได้ ก็แล่นออกมาเป็นกิริยาให้เห็นปรากฏยกเป็นนิทัศนอุทาหรณ์ดังเช่นธรรมดาทารก เวลาอารมณ์เสวยสุขเวทนาก็เต้นแร้งเต้นแฉ่งสนุกสนาน ถ้าอารมณ์เสวยทุกขเวทนาก็ดิ้นโดยให้แสดงกิริยาปรากฏออกให้รู้ว่าอารมณ์เป็นอย่างไร ยิ่งเติบโตรู้เดียงสาขึ้นเพียงไร กิริยาที่อารมณ์เล่นออกมาก็ยิ่งมากมายหลายอย่างออกไป จนถึงกิริยาที่แสดงความกําหนัดยินดีในอารมณ์ และกิริยาซึ่งแสดงความอาฆาตโกรธแค้น เป็นต้น กิริยาอันเกิดแต่เวทนาเสวยอารมณ์นี้นับเป็นขั้นตอนของการฟ้อนรํา
             ต่อมาอีกขั้นหนึ่งเกิดแต่คนทั้งหลายรู้ความหมายของกิริยาต่าง ๆ เช่น กล่าวมาก็ใช้กิริยาเหล่านั้นเป็นภาษาอันหนึ่ง เมื่อประสงค์จะแสดงให้ปรากฏแก่ผู้อื่นโดยใจจริงก็ดี หรือโดยมายาเช่นในเวลาเล่นหัวก็ดี ว่าตนมีอารมณ์อย่างไร ก็แสดงกิริยาอันเป็นเครื่องหมายอารมณ์อย่างนั้น เป็นต้นว่าถ้าแสดงความเสน่หา ก็ทํา กิริยายิ้มแย้มกรีดกราย จะแสดงความรื่นเริงบันเทิงใจก็ขับร้องฟ้อนรํา จําขู่ให้ผู้อื่นกลัวก็ทําหน้าตาถมึงทึงแลโลดเต้นคุกคาม จึงเกิดแบบแผนท่าทางที่แสดงอารมณ์ต่าง ๆ อันเป็นต้นของกระบวนฟ้อนรําขึ้นด้วยประการนี้นับเป็นขั้นที่สองอันประเพณีการฟ้อนรําจะเป็นสําหรับฝึกหัดพวกที่ประกอบการหาเลี้ยงชีพด้วยรําเต้น เช่น โขนละครเท่านั้นหามิได้ แต่เดิมมาย้อมเป็นประเพณีสําหรับบุคคลทุกชั้นบรรดาศักดิ์และมีที่ใช่ไปจนถึงการยุทธ์และการพิธีต่าง ๆ หลายอย่าง จะยกตัวอย่างแต่ประเพณีการฟ้อนรําที่มีมาในสยามประเทศของเรานี้ ดังเช่นในตําราคชศาสตร์ ซึ่งนับถือว่าเป็นวิชาชั้นสูงสําหรับการรณรงค์สงครามแต่โบราณ ใครหัดขี่ช้างชนก็ต้องหัดฟ้อนรําให้เป็นสง่าราศีด้วยแม้พระเจ้าแผ่นดินก็ต้องฝึกหัด มีตัวอย่างมาจนถึงรัชกาลที่ 5 เมื่อพระบาทสมเด็จฯพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงศึกษาวิชาคชศาสตร์ต่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาบําราบปรปักษ์ ก็ได้ทรงหัดฟ้อนรํา ได้ยินเคยทรงรําพระแสงขอบนคอช้างพระที่นั่งเป็นพุทธบูชาเมื่อครั้งเสด็จพระพุทธบาทตามโบราณราชประเพณี เมือปีวอก พ.ศ. 2414 การฟ้อนรําในกระบวนยุทธอย่างอื่น เช่น ตีกระบี่กระบองก็เป็นวิชาที่เจ้านายต้องทรงฝึกหัดมาแต่ก่อน ส่วนกระบวนฟ้อนรําในการพิธี ยังมีตัวอย่างทางหัวเมืองมณฑลภาคพายัพ ถ้าเวลามีงานบุญให้ทานเป็นการใหญ่ก็เป็นประเพณีที่เจ้านายตั้งแต่เจ้าผู้ครองนครลงมาที่จะฟ้อนรําเป็นการแสดงโสมนัสศรัทธาในบุญทาน เจ้านายฝ่ายหญิงก็ย่อมหัดฟ้อนรําและมีเวลาที่จะหัดฟ้อนรําในการพิธีบางอย่างจนทุกวันนี้ ประเพณีต่าง ๆ ดังกล่าวมา ส่อให้เห็นว่าแต่โบราณย่อมถือว่าการฟ้อนรําเป็นส่วนหนึ่งในการศึกษา ซึ่งสมควรจะฝึกหัดเป็นสามัญทั่วมุกทุกชั้นบรรดาศักดิ์สืบมา
              ราชบัณฑิตยสถาน ไดใหความหมายของนาฏยศิลป์ไว้กว้าง ๆ ตลอดจนกําหนดการออกเสียงไว้ในพจนานุกรมฉบับเฉลิมพระเกียรติ พ.ศ. 2530 ดังนี้
นาฏ, นาฏ – [นาด, นาตะ นาดตะ-] น. นางละคร, นางฟ้อนรํา, ไทยใช้หมายถึงหญิงสาวสวย
เช่น     นางนาฏ นุชนาฏ (ป.; ส.)
นาฏกรรม [นาดตะกํา] น. การละคร, การฟ้อนรํา.
นาฏดนตรี [นาดตะดนตรี] น. ลิเก.
นาฏศิลป์ [นาดตะสิน] น. ศิลปะแห่งการละครหรือการฟ้อนรํา.
นาฏก [นาตะกะ (หลัก), นาดตะกะ (นิยม)] น. ผูฟอนรํา. (ป.; ส.)
นาฏย [นาดตะยะ-] ว. เกี่ยวกับการฟอนรํา, เกี่ยวกับการแสดงละคร (ส.)
นาฏยเวที น. พื้นที่แสดงละครล ฉาก.
นาฏยศาลา น. ห้องฟ้อนรํา, โรงละคร
นาฏยศาสตร์ น. วิชาฟ้อนรํา, วิชาแสดงละคร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น